UX 03 : Tips in UX Research Report

Report ของ UX Research ต่างกับ Report ของ Research อื่น ๆ ยังไง มีอะไรที่เราควรรายงานบ้าง มาดูกัน !

เพื่อน ๆ คงทราบกันแล้วว่า Research Method (วิธีวิจัย) ของ UX Research จะต่างกับการวิจัยของจิตวิทยา รวมไปถึงการวิจัยอื่น ๆ แม้จะมีพื้นฐานเดียวกันคือ Qualitative และ Quantitative

นอกจากวิธีวิจัยแล้ว จุดประสงค์ของการนำผลการวิจัยไปใช้ก็ต่างกัน จึงทำให้รูปแบบการรายงานผลต่างกันออกไปด้วย


ก่อนจะเข้าเรื่อง เรามารู้จักความแตกต่างของประเภทของ Research กันก่อน

  Q: UX Research ต่างกับ Academic Research ยังไง?

  A: ถ้าในมุมมองวิธีการวิจัยเราสามารถพูดได้เลยว่า ไม่ต่างกัน

เพราะใน UX Research เราใช้ขั้นตอนการวิจัยที่เหมือนกับการทำ Research โดยทั่วไป เรามี วัตถุประสงค์ / ตั้งสมมติฐาน / กำหนดวิธีวิจัย / คัดเลือก Participants /ผลการวิจัย / ข้อเสนอแนะ ฉะนั้น การเนื้อหาในการรายงานผลก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน

แต่สิ่งที่ทำให้ UX Research ต่างกับ Academic Research คือ **การเน้นการลงมือทำ (implementation)**

การที่ข้อมูลจาก UX Research จะต้องนำไปเป็นส่วนในการ Implement กับ Product จริง ๆ ทำให้ การทำ Report ของเราต่างจากการเขียนรูปเล่มเต็ม เพราะเราต้องทำให้ Stakeholder ที่จะต้องใช้ข้อมูลต่อจากเรา เข้าใจสิ่งที่เราต้องการนำเสนอให้ย่อยง่ายที่สุด เพื่อจะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการลงมือทำงานต่อนั่นเอง

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด Report ที่เราจะพูดถึงต่อไป จะโฟกัสที่ “Presentation Deck” เป็นหลัก


จากประสบการณ์การเขียน Report ทั้งหมดเราได้สรุป Tips 6 ข้อ จากสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในการเขียน Report ที่ผ่าน ๆ มา ของตัวเองใน UX Research จะมีอะไรบ้าง ตามมาได้เลย !

1. Know your Stakeholder (รู้จักว่าใครจะได้ใช้งานของเรา)

การเขียน Report หรือ ทำ Presentation Slide ที่ดี เราต้องรู้ก่อนว่าคนที่จะเอาข้อมูลของเราไปใช้คือใคร และเอาไปใช้ทำอะไร ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการทำ Research อยู่แล้ว

และการที่เราตระหนักไว้เสมอว่า Stakeholder ของเราคือใคร และจะนำข้อมูลจากเราไปใช้ทำอะไร จะทำให้เราทำ Report มาได้ตอบโจทย์กับเขามาก เพราะ Stakeholder ก็เหมือนลูกค้าเรา การที่เราตระหนักแบบนี้ก็เหมือนเรา Customer Centric ไปด้วยนั่นเอง

2. Background & Objectives (เล่าที่มา และวัตถุประสงค์)

เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการทำ Report คือ ต้องบอก Goal (วัตถุประสงค์), Background (ที่มา) เพื่อให้คนที่มาอ่านเข้าใจบริบทของ Research นี้ ว่าทำไปเพื่ออะไร ทีมอยากแก้ปัญหาอะไร

การเล่าที่มา และวัตถุประสงค์ถือเป็นการสร้างกรอบความคากหวังของ Stakeholder ว่า Finding ที่เขากำลังจะเห็นต่อไป จะอยู่ใน Scope นี้ เท่านั้น

3. Show research methodology & Participants (วิธีวิจัย และผู้เข้าร่วมการวิจัย)

เป็นข้อมูลที่ทำให้ Stakeholder เข้าใจที่มาของข้อมูล ว่าเราไปเก็บข้อมูลกับใคร ด้วยวิธีอะไร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของข้อมูลว่าเราไปเก็บข้อมูลจากคนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และผลการวิจัยที่เราจะเล่าในส่วนต่อ ๆ ไป นั้นมาจาก Participant ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ

4. No raw data (อย่าใส่ข้อมูลดิบ)

มาถึงขั้นตอนการแชร์ข้อมูล ซึ่งถือเป็นส่วนที่ Stakeholder ทุกคนรอฟังว่าจากการที่เราไปเก็บข้อมูล และวิเคราะห์มาเนี่ย เป็นอย่างไรบ้าง เราจะสรุปข้อมูลเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็น Qualitative และ Quantitative เพื่อให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่าข้อมูลที่ได้ควรสรุปเป็นแนวไหน

Quantitative: Visualize ให้เห็นเป็นภาพ เพื่อให้ Stakeholder เข้าใจง่าย ซึ่งใครที่ไม่ถนัดอาจจะเริ่มจากการใช้กราฟที่มีใน Power Point หรือ Google Slide มาช่วย และอาจจะเล่นกับสีสันให้เห็นชัดเจน เช่น ข้อมูลสำคัญที่เราอยากเน้นให้ Stakdholder เห็นชัด ๆ ก็อาจจะใส่สีสันให้โดดเด่นออกมาจากข้อมูลอื่น ๆ

Qualitative: เนื่องจากข้อมูลจะมาเป็น Text รวมทั้ง Insight อื่น ๆ เช่น พฤติกรรมที่แสดงออก ระหว่างการทดสอบ ฯลฯ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำกับข้อมูลนี้คือ วิเคราะห์ และสรุป Key point ในแต่ละหัวข้อออกมาเป็นข้อ ๆ โดยใช้คำ หรือประโยคสั้นที่ครอบคลุมสิ่งที่เราค้นพบ เพื่อให้ Stakeholder เข้าใจง่าย และเอาข้อมูลนี้ไปใช้ได้ง่าย

นอกจากการนำเสนอ Findings ที่ยึดข้อมูลเป็นหลัก ก็ยังมี Tools อีกหลายตัวที่เราเลือกใช้ในการสรุปข้อมูลที่สอดคล้องกับ Research Objectves เช่น Empathy Maps, User Journey, Persona ฯลฯ เพื่อน ๆ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tools เหล่านี้ดูนะ !

5. Provide recommendations & Next step (ข้อเสนอแนะ & สิ่งที่จะทำต่อ)

Recommendations ในการทำ Report นี้ ก็มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทำ Research ซึ่งการทำ Recommendation เราต้องยึดหลักที่ Actionable หรือ ทำได้จริง เพื่อให้ Stakeholder เห็นภาพการพัฒนาต่อไปได้ชัดเจนที่สุด

และอย่าลืมว่าพอเราเสนอแนะแนวทางการพัฒนาไปแล้ว ก็ต้องกำหนด Next Step ให้กับเราและ Stakeholder ในการทำงานต่อ และเราเองในฐานะคนที่ทำข้อมูลทั้งหมด ก็จะได้เห็น Impact ที่เกิดข้นจริง จากการ Research ของเรา

การกำหนด Next Step จะช่วยทำให้ Research Findings และ Recommendation ที่เราทำมา ไม่ถูกลืม หรือขึ้นหิ้งนั่นเอง

6. Storytelling (เล่าเป็นเรื่องราว)

Storytelling เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการทำ Report ใน UX Research เพราะเรากำลังเล่าเรื่องราวของ User ฉะนั้น การเอาข้อมูลมาร้อยเรียงต่อกัน และใช้ Visualization เข้ามาช่วย จะทำให้ Presentation ของเราเข้าใจง่าย คนที่เอาข้อมูลเราไปใช้ต่อ ก็จะย่อยข้อมูลจากเราได้เร็ว และเป็นการทำให้เขาอินไปกับข้อมูลที่เรากำลังนำเสนอ เพื่อสร้างการ Buy-in ที่ง่ายขึ้นด้วย !


เป็นยังไงบ้างคะกับ Tips เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เอามาฝากกันวันนี้ บทความหน้าจะเป็นเรื่องอะไร รอติดตามกันนะคะ