UX 01 : Recuiting Paticipants
ในบทความนี้เราจะมาเล่าถึงขั้นตอนสำคัญที่สาย UX ต้องทำก่อนการ Test และสำคัญไม่แพ้กับการ Test เลยนั่นก็คือ
การเลือก Participant
หรือการเลือกผู้เข้าร่วมการ Test ว่า Digital Product ที่เราพัฒนาขึ้นมา ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่?
พูดง่าย ๆ ก็คือ การเลือกว่าใครควรจะมาเข้าร่วมใน Test Digital Product นั่นเอง
แน่นอนว่าในการพัฒนา Digital Product ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ขึ้นมา ไอเดียนี้จะมาจากฝัง Business (ทีมที่วางแผนว่าแอปหรือเว็บที่เราพัฒนาขึ้นมาจะไปขายใคร)
ฉะนั้น ฝั่งนี้เขาจะมีในใจแล้วว่า Digital Product นี้ มี “Target User” หรือผู้ที่จะมาใช้งานคือใคร
แต่ในการ Test ของเราจะไม่ได้เอาทุกคนที่เป็น Target user มาร่วมในการเทสหรอกนะ แต่จะดูจาก “วัตถุประสงค์” ในการ Test เป็นหลัก
วันนี้เราจะมาเล่าขั้นตอนที่เราใช้ในงานจริง ๆ ให้ฟัง เพื่อเป็นแนวทางที่เพื่อน ๆ อาจจะนำไปปรับใช้ในการเลือก Participant ของเพื่อน ๆ ได้ เราสรุปมาได้เป็น 3 ขั้นตอน จะมีอะไรบ้าง ตามมาเลย!
1. CLEAR OBJECTIVE (รู้วัตถุประสงค์ให้ชัด)
ก่อนจะเลือกใครมาเป็น participant ได้ เราจะต้องรู้วัตถุประสงค์การเทสให้ชัดก่อน ไม่ใช่ว่าจะเลือก Target (กลุ่มเป้าหมาย) จากฝั่ง Business มาได้เลย เพราะผลการเทสจะได้ตรงกับสิ่งที่ทีมอยากรู้
ซึ่งในการตัดสินใจเรื่องวัตถุประสงค์ในการเทส ปกติเราจะมีการปรึกษากับ UX ทีม (หลาย ๆ องค์กรจะรวม Design ทีมไว้ในทีมเดียวเลย) และ Stakeholder (ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย) ไม่ว่าจะเป็น ฝั่ง Business หรือ ฝั่ง Product เช่น Product manager หรือ Designer เป็นต้น รวมถึงคนอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องใน Platform ที่เรากำลังพัฒนาอยู่
ตัวอย่างสถานการณ์ ทีมแมวกำลังสร้าง platform e-commerce เพื่อให้คนไทย shopping online ได้อย่างสะดวก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเทสกับ Concept / Idea มาบ้างจนได้ Prototype (ตัวต้นแบบ) มาแล้ว และในครั้งนี้ ทีมงานแมวอยากจะรู้ว่า Prototype ที่สร้างมาตอบโจทย์กับ Target user หรือไม่
ซึ่งแมวก็ได้พูดคุยกับ Stakeholder และได้เคาะกันว่า Target user จะมี 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ เจน Z, เจน Y และ เจน X
2. DEFINE TARGET GROUP (กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัด)
หลังจากรู้วัตถุประสงค์แล้ว เราจะมากำหนดให้ชัดขึ้นว่า “ใคร” หรือ “คนแบบไหน” ที่จะมาเข้าร่วมในการ Test ได้บ้าง โดยเราจะเอาข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยกับ Stakeholder และในทีม UX มาทำต่อ ซึ่งก็จะแตกย่อยรายละเอียดของคนที่ควรเข้าร่วมการ Test ได้อีกมากมาย
ซึ่งข้อมูลปกติที่จะกำหนดกันคือ Demographic (ข้อมูลประชากร) เช่น อายุ เพศ จังหวัด แต่ในการเทส Digital Product ส่วนใหญ่ก็จะกำหนดปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระดับความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี ประสบการณ์การใช้งาน Digital Product เป็นต้น
ต่อมาเราก็จะกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วม ซึ่งปกติก็จะกำหนดอย่างน้อย 5 participants ต่อ 1 กลุ่มประชากร เพื่อให้ได้ผลการทดสอบที่ตรง และได้ Feedback ครบทุกมิติ (ซึ่งถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้อง 5 คน รอติดตามบทความต่อไปได้เลย !)
ตัวอย่างสถานการณ์
จากที่แมวคุยกับ Stakeholder มาแล้วว่าอยากให้ Test กับ 3 Segment ได้แก่ เจน Z, เจน Y และ เจน X ที่นี้แมวจะมาลงรายละเอียดพวก Demographic และตัวแปรอื่น ๆ จะได้ตัวอย่างตามตารางด้านล่างเลย
Segment
Profile
1
Gen Z = 5 คน
อายุ: 15-25 ปี
เพศ: คละเพศ
จังหวัด: ทุกภาคทั่วประเทศไทย
รายได้ครัวเรือน: คละ
ระดับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี: น้อย-มาก (*ต้องมีวิธีวัดด้วยนะ)
2
Gen Y = 5 คน
อายุ: 26-40 ปี
เพศ: คละเพศ
จังหวัด: ทุกภาคทั่วประเทศไทย
รายได้ครัวเรือน: คละ
ระดับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี: น้อย-มาก (*ต้องมีวิธีวัดด้วยนะ)
3
Gen X = 5 คน
อายุ: 41-56 ปี
เพศ: คละเพศ
จังหวัด: ทุกภาคทั่วประเทศไทย
รายได้ครัวเรือน: คละ
ระดับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี: น้อย-มาก (*ต้องมีวิธีวัดด้วยนะ)
ในตารางนี้เป้นตัวอย่างเท่านั้น อย่าลืมว่าการกำหนดเกณฑ์เหล่านี้ต้องยึดจากวัตถุประสงค์การ Test เป็นหลัก บางเกณฑ์อาจจะไม่จำเป็นในการ Test ของคุณก็ได้
3. FIND THE RIGHT PARTICIPANTS (ตามหาคนที่ใช่)
เมื่อกำหนดได้แล้วว่าอยากได้คนแบบไหนมาเข้าร่วมการ Test สิ่งที่ต้องทำต่อก็คือ “การหาคนที่คุณสมบัติตรง”
โดยเราจะทำ Screener หรือ Checklist ที่เอาไว้คัดกรองคนให้ตรงกับ Target ที่เราได้ตั้งไว้ เพื่อจะได้คนที่แทนประชากรได้จริง ๆ นั่นเอง
ซึ่งรูปแบบที่ใช้ส่วนใหญ่ก็จะเป็น Google form / Qualtrics หรือเครื่องมืออะไรก็ได้ที่เพื่อน ๆ สะดวก โดยเราจะส่งแบบฟอร์มนี้ออกไปในรูปแบบของแบบสอบถาม เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเราได้ง่าย
เมื่อเลือกได้แล้วก็สามารถส่ง Screener ออกไปตามช่องทางต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราใช้อยู่ก็จะเป็น Social Media และหากเพื่อน ๆ มีรายชื่อของคนที่เหมาะสมจะเป็น Participants อยู่แล้ว ก็สามารถติดต่อไปหาคนเหล่านั้นเพื่อขอ Consent และนัดหมายในการทดสอบได้เลย
[Tips: เลือก Screener Tools และ Channel ที่เหมาะสมกับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อจะได้เข้าถึงกลุ่มตัวอย่างให้มากขึ้นนะ]
แอบกระซิบว่าถ้าเพื่อน ๆ ทำ Quantitative research หรือการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อน ๆ ก็สามารถส่ง Screener พร้อมข้อคำถามที่ต้องการ Test ไปหากลุ่มตัวอย่างได้เลย
แต่ถ้าเป็น Qualitative research (หรือการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่ง UX จะ Test แบบนี้บ่อยเลย) เราจะทำ Screener เป็นรูปแบบของแบบสอบถามเพื่อให้คนที่สนใจเข้ามากรอกแบบสอบถามนี้ พร้อมให้เขาทิ้งช่องทางการติดต่อกลับ เพื่อจะได้ติดต่อกลับหาคนที่คุณสมบัติตรง และมาเข้าร่วมการ Test ของนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนโดยทั่วไปที่เราใช้ในการคัดเลือก Participants มาเข้าร่วม UX Research และเราก็ได้ทำตัวอย่างมาให้เพื่อน ๆ ดูด้วยว่าในการทำงานจริง ๆ แต่ละขั้นตอนยังไงบ้าง
สถานการณ์สมมติ: Product Owner ต้องการรู้ว่า Feature ที่ทีมกำลังพัฒนาอยู่นั้น ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่ใช้งานแอปหรือไม่
ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอ่านบทความนี้แล้วเห็นว่าเราทำขั้นตอนไหนต่างไปจากของเพื่อน ๆ สามารถมาแชร์กันได้เลย เพื่อต่อยอดความรู้ต่อไปปป
กลับไปที่ Datatstist.com